
สาเก เป็นเครื่องดื่มที่มีความประณีตและซับซ้อนมาก การทำสาเกต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญ และ การศึกษาค้นคว้า จึงทำให้สาเกของแต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป
สาเก มีต้นกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่น โดยสาเกนั้นมีข้าว โคจิ (ยีสต์) และน้ำแร่ธรรมชาติ เป็นส่วนประกอบสำคัญหลักในการผลิตสาเก สาเกส่วนใหญ่ มีแอลกอฮอล์ประมาณ 10-20%
ในการผลิตสาเกนั้น มีความซับซ้อนมาก ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการศึกษาค้นคว้า เนื่องจากสาเกนั้นมีความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิสูงมาก หากเก็บเกินอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ยีสต์ที่ช่วยกระบวนการผลิตสาเกอาจตายลงได้
ชนิดของสาเกนั้น ถูกแบ่งโดย ปริมาณของเนื้อข้าวที่ผ่านการขัด วิธีการผลิต และ ชนิดของข้าว
สำหรับ Hakutsuru Sake นั้น มีชนิดของสาเกอยู่ 9 ชนิดด้วยกัน นั้นก็คือ
- Junmai Daiginjo (จุนไม ไดกินโจ้ว)
- Daiginjo (ไดกินโจ้ว)
- Junmai Ginjo (จุนไม ไดกินโจ้ว)
- Ginjo (กินโจ้ว)
- Tokubetsu Junmai (จุนไมแบบพิเศษ)
- Junmai (จุนไม)
- Tokubetsu Honjozo (ฮอนโจโซะแบบพิเศษ)
- Honjozo (ฮอนโจโซะ)
- Futsu-Shu (ฟุทสึชู)
1-2. Junmai Daiginjo & Daiginjo (ไม่เพิ่มแอลกอฮอล์ | เพิ่มแอลกอฮอล์) ★★★★★
สำหรับ Junmai Daiginjo & Daiginjo นั้นจัดได้เป็นสาเกเกรดพรีเมี่ยมมาก
ข้าวที่ใช้ในหมักสาเกชนิด Junmai Daiginjo & Daiginjo นั้นจะถูกขัดให้คงเหลือที่ 50% หรือต่ำกว่า ทำให้รสชาติของสาเกชนิดนี้ นุ่มและมีกลิ่นหอมฟรุ้ตตี้เป็นพิเศษ
เมื่อนำไปดื่ม จะสัมผัสได้ถึงความหอมฟรุ้ตตี้ของอโรม่าในสาเกชนิดนี้ อีกทั้งยังมี อาฟเตอร์เทสที่นุ่มอย่างมีเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดื่มไวน์เป็นอย่างยิ่ง
3-4. Junnmai Ginjo & Ginjo (ไม่เพิ่มแอลกอฮอล์ | เพิ่มแอลกอฮอล์) ★★★★
สำหรับ Ginjo & Junmai Ginjo นั้นจัดเป็นสาเกเกรดพรีเมี่ยม
ข้าวที่ใช้ในการหมักสาเกชนิด Ginjo & Junmai Ginjo นั้นจะถูกขัดให้คงเหลือที่ 60% หรือต่ำกว่า จึงมีรสชาติ นุ่ม และ มีกลิ่นหอมฟรุ้ตตี้
เมื่อนำไปดื่ม จะสัมผัสได้ถึงความหอมผลไม้จากอโรม่าของสาเก และ ความนุ่มของสาเกชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี
5-6. Junmai & Tokubetsu Junmai ★★★
สาเกชนิด Junmai นั้นจัดเป็นสาเกเกรดสูง
ใช้แค่ ข้าว โคจิ และน้ำเท่านั้นในการผลิต ในอดีตข้าวที่ใช้ผลิตสาเกชนิดนี้นั้นจะถูกบังคับทางกฎหมายให้ถูกขัดให้คงเหลือที่ 70% แต่ปัจจุบันสาเกชนิด Junmai นี้ไม่ได้ถูกบังคับอีกต่อไป จึงมักจะมีเขียน % ของข้าวที่ถูกขัดออกไปข้างขวด
สาเกชนิดนี้มักเป็นสาเกแบบ บอดี้ปานกลาง – ฟูลบอดี้ และ มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย
- Tokubestu Junmai = สาเกแบบ จุนไม ที่ใช้วัตถุดิบพิเศษเช่น ข้าวพรีเมี่ยม เช่น ข้าวยะมะดะนิชิกิ หรือ การขัดในอัตราที่มากกว่าปกติ เป็นต้น
7-8. Honjozo & Tokubetsu Honjozo ★★
สาเกชนิด Honjozo นั้นจัดเป็นสาเกเกรดสูง
สาเกชนิด Honjozo นั้นมีความคล้ายสาเกชนิด Junmai มาก แตกต่างกันที่ Honjozo นั้นมีการใส่แอลกอฮอล์เพิ่ม และ ข้าวที่นำมาใช้นั้นจะถูกขัดให้คงเหลือที่ 70% หรือต่ำกว่า
สาเกชนิดนี้มักนิยมดื่มแบบร้อนเพื่อให้ได้กลิ่นหอมอโรม่าที่ดียิ่งขึ้น และ ยังสามารถดื่มได้ทั้งแบบเย็น และ แบบอุณหภูมิห้อง
9. Futsu-Shu ★
สาเกชนิด Futsu-Shu นั้นจัดเป็นสาเกเกรดมาตราฐาน
สาเกเกรดมาตรฐาน มีข้าว โคจิ และ สุรากลั่น เป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยในสาเกชนิดนี้มักใช้น้ำตาล หรือ กรดมาลิก เพื่อปรับรสชาติของสาเกนั้นๆ สาเกชนิดนี้ไม่มีข้อจำกัดของการขัดข้าว ดังนั้นอัตราการขัดข้าวของสาเกแต่ละชนิดนั้นมักมีความแตกต่างออกกันไป นิยมนำไปดื่ม แบบเย็น แบบอุณหภูมิห้อง และ แบบร้อน
แบ่งตามวิธีการผลิตสาเก
1. Nama Sake
นามาสาเก หรือ สาเกสด คือสาเกที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรซ์ เพื่อให้คงรสชาติความเข็มข้นของสาเก จึงมีรสชาติที่สดกว่าสาเกชนิดอื่นๆ และมักดื่มแบบเย็นเท่านั้น
2. Nigori
สาเกชนิด Nigori คือชนิดสาเกที่ผ่านการกรองแบบหยาบ จึงทำให้สาเกชนิดนี้ยังคงเหลือข้าวที่ใช้ในการผลิตให้เห็นอยู่
สาเกชนิดนี้มักจะมีสีขุ่น ไม่ใส เนื่องจากไม่ได้ผ่านการกรองแบบปกติ จึงมีรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้น และ หวาน ในลักษณะของ สาเกแบบ Full bodied
3. Genshu
เกนชู คือกบวนการผลิตที่ไม่ได้ผ่านการปรับแรงแอลกอฮอล์ในขั้นตอนสุดท้ายจึงทำให้แอลกออฮอล์นั้นสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปสาเกมักมีแรงแอลกอฮอล์ที่ประมาณ 13-15% แต่สำหรับเกนชูนั้นจะยู่ที่ประมาณ 18-20%